ถามตอบเรื่องสุขภาพ
ถาม : อยากทราบว่าการรับประทานมังคุดสด
กับการดื่มน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ท แบบใดให้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน
| |
ตอบ :
โดยปรกติแล้วการรับประทานผลไม้ทั่วๆไป
ผลไม้สดให้รสชาติและสารอาหารตามธรรมชาติที่ดีกว่า แต่เนื่องจากโดยปรกติเมื่อเราต้องการรับประทานมังคุดผลสด
เรามักไม่สามารถรับประทานเปลือกและเมล็ดของผลมังคุดได้เนื่องจากมีรสฝาดมากแต่ก็เต็มไปด้วยสารสำคัญที่ล้วนมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ในกรณีเช่นนี้การดื่มน้ำมังคุดที่ผลิตจากผลมังคุดทั้งลูกที่เรียกว่าน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ท
จะให้ผลดีต่อสุขภาพมากกว่าแน่นอนครับ
|
|
ถาม : เปลือกและเมล็ดมังคุดสามารถรับประทานได้หรือไม่
ตอบ : เปลือกและเมล็ดมังคุดสามารถรับประทานได้ครับ แต่ต้องผ่านกรรมวิธีการสกัดเอาความฝาดออกเสียก่อน เพื่อลดคุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์หลายอย่างครับ
ถาม :
การดื่มน้ำมังคุด ช่วยให้ไม่แก่เร็ว
ใช่หรือไม่
ตอบ :
ในปัจจุบันนี้มีงานวิจัยจำนวนมากมายยืนยันว่าอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากการรับประทานอาหาร
และจากสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ รวมทั้งจากโรคบางชนิด
เป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งในการก่อให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
หรือที่เรามักเรียกกันว่าอาการแก่เร็ว
ซึ่งทำให้ผู้ที่มีอาการนี้สูญเสียความมั่นใจในตนเอง
และสูญเสียคุณภาพชีวิตที่ดีที่ควรจะเป็นไปอย่างน่าเสียดาย
ในน้ำมังคุดมีสารประกอบจากธรรมชาติที่ชื่อว่าแซนโทน (Xanthones) ที่สกัดจากผลมังคุดอยู่ในปริมาณมาก
และสารแซนโทนนี้เองที่มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ที่สามารถยับยั้งการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก
จนในต่างประเทศจัดให้สารประกอบแซนโทนนี้อยู่ในหมวดหมู่ของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์สูงมาก
(Super Anti-Oxidant)
และการรับประทานสารประกอบแซนโทนอยู่อย่างสม่ำเสมอจึงสามารถช่วยลดริ้วรอยก่อนวัยอันควรที่เกิดจากสารอนุมูลอิสระได้
ถาม :
มังคุดสามารถรักษาโรคมะเร็งได้จริงหรือไม่
ตอบ :
มีนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกโดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาได้สนใจทำการวิจัยสารสกัดจากเปลือกมังคุดเพื่อใช้ในการต้านเซลล์มะเร็ง
เช่นมีการทดลองกับเซลล์มะเร็งต่อมลูกหมากซึ่งพบมากในชายสูงอายุ
โดยทำการทดลองในหนูขาว
ซึ่งการทดลองก็ให้ผลในการลดขนาดของเซลล์มะเร็งได้เป็นอย่างดี
แต่ทั้งนี้ก็ยังไม่มีผลการทดลองทางคลีนิคในมนุษย์อย่างเป็นทางการ
และในปัจจุบันก็ยังมีการทดลองในเรื่องนี้กับเซลล์มะเร็งชนิดอื่นๆอีกมาก
แต่ถ้ามองในแง่ของการป้องกัน
ผลที่ได้จากสารประกอบที่สกัดจากเปลือกมังคุดจะให้ผลที่ชัดเจนกว่า
โดยสารสกัดจากเปลือกมังคุดมีผลโดยตรงในการลดปริมาณสารก่อมะเร็งในร่างกาย
เช่นสารก่อมะเร็งกลุ่มเอมีน
ซึ่งเป็นสารอนุมูลอิสระและเป็นตัวการก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของสารอนุมูลอิสระในร่างกายคนเราด้วย
ถาม :
การดื่มน้ำมังคุดป้องกันโรคใดได้บ้าง ?
ตอบ : โดยปรกติแล้ว
น้ำที่สกัดจากมังคุดทั้งผลจะมีสารประกอบอยู่หลายกลุ่ม อาทิเช่น กลุ่มฟีนอลลิค
คอมพาวด์ กลุ่มแซนโทน และ Cathecin ซึ่งสารเหล่านี้สามารถให้ผลที่ดีต่อร่างกายในการป้องกันโรคต่างๆ
ดังนี้ครับ
1. กลุ่มอาการอักเสบช้ำบวมตามกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆของร่างกาย
นักวิทยาศาสตร์ทราบว่าสารประกอบแซนโทนในมังคุดมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์สองชนิดในร่างกาย
คือ Cyclo-oxygenase
1 และ
Cyclo-oxygenase
2 ซึ่งเอนไซม์ทั้งสองชนิดนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการอักเสบ
ดังนั้นสารประกอบแซนโทนจึงสามารถลดสาเหตุที่ก่อให้เกิดการอักเสบได้และช่วยส่งเสริมการทำงานของข้อด้วย
2. กลุ่มอาการติดเชื้อทั่วไป
เช่นเชื้อแบคทีเรีย และเชื้อไวรัส โดยที่สารประกอบกลุ่มฟีนอลลิค คอมพาวด์
กลุ่มแซนโทนในน้ำมังคุดเนเจอร์แซน สามารถออกฤทธิ์ต่อเชื้อ Candidas เชื้อไวรัส
และเชื้อแบคทีเรีย ไม่ให้มีการเจริญเติบโตและขยายตัวได้
ผลจากการที่สารประกอบจากธรรมชาติกลุ่มนี้สามารถออกฤทธิ์ต่อจุลชีพหลายกลุ่มที่แม้แต่ยาปฏิชีวนะ
(ที่ถูกออกแบบให้ออกฤทธิ์กับแบคทีเรียเท่านั้น) ก็ไม่สามารถทำได้ ทำให้สารประกอบแซนโทนมีประโยชน์โดยตรงต่อผู้ป่วยด้วยโรคติดเชื้อ
และการใช้สารประกอบแซนโทนก็สามารถช่วยลดอุบัติการณ์ของการดื้อยาได้
3. กลุ่มอาการของโรคต่างๆที่มีสาเหตุมาจากการทำลายเซลล์ของอนุมูลอิสระ
การเสื่อมสภาพของเซลล์ผิวหนัง
โดยสารประกอบแซนโทนสามารถลดอุบัติการณ์ของการการการทำลายนั้นๆได้
4. กลุ่มอาการแพ้ที่เกิดจากการกระตุ้นของสารภายนอก
เช่น ฝุ่นละออง และควันเสีย
ก็สามารถทำให้ลดลงได้จากคุณสมบัติของสารประกอบแซนโทนที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านฮีสตามีน
(Anti-Histamine)
ทำให้ในขณะที่ร่างกายได้รับสารที่ทำให้เกิดอาการแพ้จากภายนอก
และกำลังจะสร้างฮีสตามีนเพื่อต่อต้านกับสารภูมิแพ้ดังกล่าว
สารประกอบแซนโทนจะทำให้ความสามารถในการเกิดปฏิกิริยาของฮีสตามีนลดน้อยลง
และลดอาการของโรคภูมิแพ้เช่น น้ำมูกไหล น้ำตาไหล คัดจมูก
และอาการต่างๆที่รบกวนระบบทางเดินหายใจ
ถาม :
อนุมูลอิสระคืออะไร?
ตอบ :
อนุมูลอิสระคือโมเลกุลอิออนที่มีอิเลกตรอนวงนอกที่ไม่เสถียร
และไวต่อการเกิดปฏิกิริยา Oxidation และเกิดปฏิกิริยาต่อเนื่องทำให้เกิดการทำลายเซลล์ต่างๆของร่างกายอย่างมาก
ทั้งนี้อนุมูลอิสระ (Free Radical) และ Reactive
Oxygenspecies หรือ ROS
โดยทั่วไปมักจะหมายถึงโมเลกุลที่มี Oxygen เป็นศูนย์กลาง
เช่น Hydrogen peroxide (น้ำยาล้างแผล) H2O2
อนุมูลอิสระนั้นสามารถเกิดขึ้นได้เองจากการย่อยอาหารในร่างกาย
เช่นการรับประทานอาหารบางชนิด (ของย่าง ของมันบางชนิด แอลกอฮอลล์)
หรืออาจจะเกิดจากการอักเสบภายในร่างกาย และเรายังมีโอกาสในการได้รับอนุมูลอิสระจากสิ่งแวดล้อมภายนอกด้วย
เช่นจากควันพิษ บุหรี่ สารเคมี รังสี และการติดเชื้อ
ถาม : ผลไม้ทุกชนิดมีสารต้านอนุมูลอิสระใช่หรือไม่?
ตอบ : ส่วนใหญ่จะมีครับ
แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและชนิดของสารต้านอนุมูลอิาระในผลไม้ชนิดนั้นๆ
ถาม : จริงหรือไม่ที่มีการกล่าวว่ามังคุดมีสารต้านอนุมูลอิสระมากที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด?
ตอบ :
จากการศึกษาและจากรายงานการวิจัยทั่วโลก
พบว่าในผลมังคุดโดยเฉพาะในเปลือกและเมล็ดมังคุดมีสารต้านอนุมูลอิสระเกือบ 40 ชนิดในปริมาณที่สูงมาก และสารต้านอนุมูลอิสระที่วิจัยพบในผลมังคุดนี้ก็เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์แรงมาก
โดยเรียกกันว่าเป็นสาร Super Anti-Oxidant
ถาม : สารประกอบกลุ่มแซนโทนตามธรรมชาตินั้น
สามารถพบได้ในผลไม้เมืองร้อนใช่หรือไม่?
ตอบ :
สารประกอบกลุ่มแซนโทน
สามารถพบได้ในผลไม้เมืองร้อนมากกว่าผลไม้ในเขตอากาศอบอุ่นและเขตอากาศหนาว
แต่ในเขตอากาศหนาวก็สามารถพบสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มอื่นๆได้จากผลไม้ด้วยเช่นกัน
เช่นจากผลมะเขือเทศ ผลไม้เบอรี่บางชนิดเป็นต้น
ถาม : “เทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ท”
ที่ใช้ในการผลิตน้ำมังคุด มีผลต่อสุขภาพผู้บริโภคอย่างไร?
ตอบ :
เทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ทเป็นเทคนิคการผลิตเฉพาะที่ทางบริษัททาโกฟู้ดส์
อินดัสทรีจำกัด
เนื่องจากเทคนิคการผลิตแบบโฮลฟรุ๊ทถูกออกแบบให้สามารถควบคุมปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผลมังคุด
ให้คงอยู่ในผลิตภัณฑ์มากที่สุด แต่ยังคงรสชาติที่ดี
อร่อยเหมือนรับประทานเนื้อมังคุดสด และเอนไซม์ต่างๆที่มีประโยชน์จะถูกทำลายในระหว่างกระบวนการผลิตน้อยมาก
ทำให้ยังคงประสิทธิภาพ คุณภาพ และปริมาณของสารประกอบแซนโทนจากธรรมชาติ
โดยในการดื่มแต่ละครั้งจะได้รับสารประกอบแซนโทนไม่ต่ำกว่า 30 มิลลิกรัมต่อผลิตภัณฑ์เนเจอร์แซน 60 มล.
ถาม : ผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดสามารถเก็บไว้ได้นานเท่าใด?
ตอบ :
แม้ว่าผลิตภัณฑ์น้ำมังคุดของเราไม่ได้ใส่วัตถุกันเสีย
แต่ก็ผ่านการฆ่าเชื้ออย่างสมบูรณ์แล้วทุกขวด
จึงสามารถเก็บได้ในอุณหภูมิปรกติได้นานถึง 1 ปี
และเมื่อมีการเปิดขวดแล้วก็สามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้อีกราว 15-20 วัน แต่หากมีการเปิดขวดแล้วและไม่ได้เก็บไว้ในตู้เย็นเป็นเวลานาน
ก็มีความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์จะเสียได้
ถาม :
ปริมาณที่แนะนำในการดื่มน้ำมังคุดหนึ่งวันคือเท่าใด?
ตอบ :
ปริมาณที่แนะนำในการดื่มคือครั้งละ 60 มล. หรือเท่ากับ 4 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง โดยแนะนำให้ดื่มหลังมื้ออาหารครับ
จะเป็นหลังมื้ออาหารเช้าหรือมื้ออาหารไหนๆก็ได้
หลังจากเปิดขวดแล้วต้องเก็บไว้ในตู้เย็นนะครับเพราะว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะไม่ไส่วัตถุกันเสีย และเพื่อรสชาติที่ดีที่สุดควรจะดื่มในขณะเย็น
แต่หากต้องการดื่มเพิ่ม จากการทดสอบผลิตภัณฑ์มีความปลอดภัยแม้เพิ่มขนาดการดื่มเป็น
4-5 เท่า
ถาม :
การดื่มน้ำมังคุดจะต้องผสมเจือจางกับน้ำก่อนดื่มหรือไม่?
ตอบ : ไม่ต้องเจือจางครับ
โดยตัวผลิตภัณฑ์นั้นถูกออกแบบมาให้มีรสชาติที่ดี เหมาะกับบุคคลทั่วไป ทุกเพศ
ทุกวัย ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลและสารกันบูด จึงปลอดภัยและเหมาะกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานด้วย
ถาม :
รสชาติของน้ำมังคุดแบบโฮลฟรุ๊ทเทคนิคเป็นอย่างไร?
ตอบ : รสชาติจะหวานหอม
อมเปรี้ยวพอดีๆ และอาจจะมีรสขมเพียงเล็กน้อย
หลังจากดื่มไปแล้วจะให้ความรู้สึกที่ชุ่มคอในทันที
ถาม : น้ำมังคุดเหมาะสำหรับดื่มได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ใช่หรือไม่?
ตอบ : ใช่ครับ น้ำมังคุดเหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัว แต่ในเด็กอายุต่ำกว่า 2
ขวบ ปกติไม่มีความเสี่ยงของอนุมูลอิสระ จึงไม่มีความจำเป็น
ถาม :
ดื่มน้ำมังคุดแล้วทำให้อ้วนหรือไม่?
ตอบ :
ไม่ทำให้อ้วนแน่นอนครับ
เพราะในขนาดที่แนะนำให้รับประทานวันละ 60 มล.
จะให้พลังงานเพียง 35 กิโลแคลลอรี่ ไม่มีไขมัน
และยังมีงานวิจัยที่ชี้ชัดว่ามังคุดมีฤทธิ์ในการลดความอยากรับประทานอาหารด้วย
ถาม :
สามารถดื่มน้ำมังคุดแทนอาหารมื้อเย็นเพื่อควบคุมน้ำหนักได้หรือไม่?
|